[23 พ.ค. 64 กรุงโคลัมโบ ศรีลังกา] ประธานาธิบดีศรีลังกา นายโกตาบายา ราชปักษา ได้ออกคำสั่งห้ามการนำเข้าสารเคมีการเกษตร ทั้งปุ๋ยเคมีและสารป้องกันกำจัดศัตรูพืชทุกชนิด เนื่องจากปัจจัยการผลิตเหล่านีี้ทั้งหมดต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ทำให้ประเทศต้องขาดดุลการค้าเป็นจำนวนมากในแต่ละปี โดยที่ผ่านมา รัฐบาลต้องหาเงินงบประมาณมาอุดหนุนปัจจัยการผลิการเกษตร เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร จนกลายเป็นภาระทางการเงินที่สำคัญ
เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ประธานาธิบดีจึงได้ออกนโยบายให้กับทางรัฐบาล เพื่อปรับเปลี่ยนภาคเกษตรศรีลังกาใหเป็น “สังคม-เศรษฐกิจสีเขียว ที่มีความยั่งยืนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Green Socio-economy with Sustainable Solutions for Climate Changes) รวมทั้งแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุด ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนของภาครัฐและเอกชน เพื่อจัดทำแผนงานในเรื่องนี้ โดยเน้นการปรับเปลี่ยนระบบการเกษตรในประเทศทั้งหมดให้เป็น “เกษตรธรรมชาติ” ที่ใช้ปุ๋ยอินทรีย์และสารอินทรีย์ในการป้องกันกำจัดศัตรู
ขบวนเกษตรอินทรีย์ในศรีลังกาค่อนข้างเป็นกังวลเกี่ยวกับการตัดสินใจอย่างกระทันหันของประธานาธิบดี โดยไม่ได้มีกระบวนการเตรียมการใดๆ ล่วงหน้ามาก่อน แต่ในขณะเดียวกันก็ได้ขอความช่วยเหลือจากพันธมิตรเกษตรอินทรีย์ทั่วโลก เพื่อช่วยผลักดันและสนับสนุนการปรับเปลี่ยนระบบการเกษตรของประเทศ ทั้งแนวทางมาตรการเชิงนโยบาย ตลอดจนความรู้และเทคนิคต่างๆ เพื่อสนับสนุนนโยบายนี้
กรีนเนทเองมีความสัมพันธ์กับขบวนการเกษตรอินทรีย์ศรีลังกามาอย่างยาวนานเกือบ 20 ปี และวางแผนที่จะช่วยสนับสนุนความรู้ โดยเฉพาะในเรื่องกระบวนการงานส่งเสริมเกษตรกรและการจัดห่วงโซ่ผลผลิตเกษตรอินทรีย์ ที่กรีนเนทมีความเชี่ยวชาญอยู่
ปัจจุบัน ศรีลังกามีฟาร์มเกษตรอินทรีย์ 1,416 ฟาร์ม ครอบคลุมพื้นที่เกษตรอินทรีย์ 482,306.25 ไร่ คิดเป็น 2.7% ของพื้นที่การเกษตรของประเทศ