(ก) ระบบที่มีความยืดหยุ่นทนทาน (robust systems)
ลดความเปราะบางเพื่อให้มีความยืดหยุ่นทางด้านชีววิทยา เศรษฐกิจและสังคม ทั้งในระดับของการผลิตในฟาร์ม (ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ) รวมถึงธุรกิจการจัดการผลผลิตและการแปรรูปที่ต้องมีความยืดหยุ่นต่อสภาพอากาศ, ตลาด, มาตรการทางการเมือง ที่อาจส่งผล กระทบ ซึ่งการสร้างความหลากหลายและความสามารถในการปรับตัวจะเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างความยืดหยุ่นทนทานนี้
(ข) เพิ่มมูลค่าให้กับสิ่งแวดล้อมและสังคม (added value for the environment and society)
เกษตรอินทรีย์มีวิสัยทัศน์ของการทำการเกษตรที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสิ่งแวดล้อม สิ่งมีชีวิตอื่นๆ และมนุษย์ งานวิจัยควรช่วยประเมินบทบาทของเกษตรอินทรีย์ที่มีต่อการช่วยเพิ่มมูลค่าดังกล่าว และความยั่งยืนของมูลค่าที่เพิ่มขึ้นนี้ว่า มีระยะเวลาสั้น/นานเพียงใด การวิเคราะห์ระบบเกษตรอินทรีย์ ที่มองความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกัน เป็นแนวทางสำคัญของการประเมินมูลค่าเพิ่มดังกล่าว
(ค) ชุมชนท้องถิ่นที่เข้มแข็งและแข่งขันได้ (competitiveness and thriving rural communities)
สิ่งท้าทายสำคัญของเกษตรอินทรีย์ก็คือ การเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน โดยการเพิ่มการทำกำไร, เพิ่มปริมาณการผลิต, และขยายชนิดของผลผลิตให้เพิ่มขึ้น เราจำเป็นต้องมีความรู้เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการทางนโยบายต่างๆ เช่น การจ่ายเงินชดเชยสำหรับสิ่งแวดล้อมให้กับเกษตรกร นอกจากนี้ ความรู้เกี่ยวกับการแปรรูปผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และการตลาดก็เป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้ชุมชนชนบทให้มีความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ
และ 5 จุดเน้น คือ (1) ผลิตภาพที่สูงแต่ต้องมีความยั่งยืนในการผลิต, (2) ระบบการผลิตที่มีความเป็นนวัตกรรม และที่มีบทบาทหน้าที่หลายด้านพร้อมกัน, (3) วงจรธาตุอาหารที่หมุนเวียนภายในฟาร์ม และการใช้ทรัพยากรที่หมุนเวียนได้, (4) กิจการที่มีความยั่งยืนและการพัฒนตลาด, และ (5) อาหารที่ดีต่อสุขภาพและมีมูลค่าเพิ่ม
(1) ผลิตภาพที่สูงแต่ต้องมีความยั่งยืนในการผลิต
- แนวทางการปลูกพืชร่วม หรือการปลูกพืชต่างพันธุ์ร่วมกัน ที่มีความเกื้อกูลกันในฟาร์ม
- การพัฒนาเครื่องจักรและเทคโนโลยที่เพิ่มประสิทธิผลและควาแม่นยำในการควบคุมกำจัดวัชพืช
- ประโยชน์ของการเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพในฟาร์ม ที่ช่วยในการป้องกันศัตรูพืช
- ยุทธศาสตร์การผลิตที่เพิ่มความยั่งยืนในการจัดหาธาตุอาหารให้กับพืช โดยมีเป้าหมายในการสนับสนุนกระบวนการทางชีวภาพในการปลูกพืชหมุนเวียนและโดยการใช้ประโยชน์จากอินทรียวัตถุต่างๆ
- พืชตรกูลถั่วที่มีความทนทาน และที่มีโปรตีนสูงสำหรับใช้เป็นอาหารสัตว์
(2) ระบบการผลิตที่มีความเป็นนวัตกรรม และที่มีบทบาทหน้าที่หลายด้านพร้อมกัน
- การออกแบบระบบที่มีความหลากหลายและสามารถทำหน้าที่ได้หลากหลาย รวมทั้งโมเดลการปลูกพืชร่วมแบบใหม่
- ระบบการปลูกพืชแบบใหม่ ที่ไม่จำเป็นต้องมีการเลี้ยงสัตว์ในฟาร์ม เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากลดโลกร้อน
- ระบบการเลี้ยงสัตว์ที่ช่วยในการเก็บกักคาร์บอน ใช้รทรัพยากรอย่างมีประสิทธิผล ในขณะเดียวกันต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพของผลผลิต, สวัสดิการของสัตว์, และความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจ
- ออกแบบระบบปลูกพืชที่เพิ่มปฏิสัมพันธ์ทางชีววิทยา ซึ่งช่วยลดการแพร่ระบาดของโรคและแมลง รวมทั้งส่งเสริมศัตรูตามธรรมชาติ
- การประเมินผลกระทบระยะยาวของระบบการผลิตเกษตรอินทรีย์แบบต่างๆ ที่มีต่อความหลากหลายทางชีวภาพและการให้บริการด้านนิเวศ
(3) วงจรธาตุอาหารที่หมุนเวียนภายในฟาร์ม และการใช้ทรัพยากรที่หมุนเวียนได้
- เทคโนโลยีและการจัดการโลจีสติคในการให้อาหารกับสัตว์เลี้ยง และการจัดการมูลสัตว์ในฟาร์ม
- ระบบการผลิตแบบใหม่ และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ผสมผสานการผลิตอาหารและพืชพลังงาน หรือการวิเคราะห์การใช้ทรัพยากรเพื่อการผลิตแบบต่างๆ
- วิธีการที่ช่วยลดของเสียจากฟาร์ม เช่น การใช้เป็นอาหารสัตว์ และวัตถุดิบสำหรับการผลิตพลังงาน
- การใช้ปัจจัยการผลิตสำหรับคนเมืองที่ต้องการทำเกษตรในบ้าน
(4) กิจการที่มีความยั่งยืนและการพัฒนตลาด
- อุปสรรคและโอกาสทางธุรกิจสำหรับการผลิตและแปรรูปผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค
- การวิเคราะห์ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจสำหรับระบบการผลิตแบบต่างๆ
- การจัดการทรัพยากรในตลอดห่วงโซ่อาหาร
- การมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้องในการแปรรูปอาหารสำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่และการขยายการผลิต
- ผลกระบทของระบบการตรวจรับรองมารตรฐาแบบต่างๆ ต่อการพัฒนาตลาดและความต้องการของผู้บริโภค
(5) อาหารที่ดีต่อสุขภาพและมีมูลค่าเพิ่ม
- คุณภาพและองค์ประกอบของอาหารออร์แกนิคได้รับผลกระทบจากสภาพการปลูก วิธีการปลูก หรือระบบการปลูกหรือไม่ อย่างไร
- กลไกที่มีผลต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์ในตลอดห่วงโซ่
- ความปลอดภัยของอาหารและการตรวจสอบย้อนกลับตลอดห่วงโซ่
- ผลต่อสุขภาพของผู้บริโภคของอาหารออร์แกนิคและอาหารทั่วไป
- ทำความเข้าใจกับพฤติกรรมผู้บริโภค
- การเผยแพร่ความรู้ให้กับผู้บริโภค
- การสื่อสารทางการตลาดแบบใหม่ๆ
ดาวน์โหลดหนังสือนี้ได้จากี่เว็บไซต์ของ Centre for Organic Food and Farming (EPOK) [ลิงค์]