ลักษณะเด่นประจำพันธุ์
ลักษณะหัวขนาดกลาง ไม่ใหญ่มาก ขนาดหัวมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 14-20 ซม. น้ำหนักประมาณ 440 กรัม/หัว
ดิน/สภาพอากาศที่เหมาะสม
ชอบดินร่วนหรือดินร่วนปนทราย
คำแนะนำในการปลูก
เพาะเมล็ดลงถาดเพาะก่อนย้ายลงปลูกในแปลง เมื่อต้นกล้าอายุ 30 วัน ค่อยย้ายลงปลูก
เตรียมหลุมปลูก (หลุมที่เตรียมไว้ควรจะคลุกปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักที่ผ่านการหมักแล้ว 1 ช้อนปลูก) จากนั้นย้ายต้นกล้าลงปลูก1 ต้นต่อหลุม เมื่อต้นกล้าอายุ 5-7 วัน ,20-25 วัน,ให้ใส่ปุ๋ยหมัก(ต้องหมั่นสังเกตต้นพืชว่าควรจะให้ปุ๋ยเพิ่มอีกไหมจนเริ่มห่อหัว)
ระยะห่างระหว่างต้น x แถว : 40 ซม. X 40 ซม. เหมาะสำหรับปลูกแปลงกลางแจ้ง
การดูแลและบำรุงรักษา
การให้ปุ๋ย
ครั้งที่ 1 ใส่รองพื้นก้นหลุมก่อนย้ายกล้าลงปลูก ผสมกับดินในหลุมให้เข้ากัน ใส่ปุ๋ยครั้งที่ 2,3 เมื่อต้นพืชอายุได้ 7-14 วัน, 30 วัน ควรใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกที่ผ่านการหมักแล้ว (ให้สังเกตพืชด้วยว่าปุ๋ยหมักเพียงพอกับความต้องการหรือไม่อาจจะให้เพิ่มอีกได้)
การกำจัดวัชพืชและพรวนดิน
เมื่อมีการถอนหญ้าให้พรวนดินโดยรอบต้นด้วย โดยให้สังเกตภายในแปลงตามความเหมาะสม
การให้น้ำ
ควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ ให้พอเหมาะกับพืชไม่ควรให้แห้งหรือแฉะมากเกินไป (ให้คอยสังเกตที่ดินปลูก)
โรค – แมลง
มีปัญหาเรื่องโรคและแมลงมารบกวนน้อย เช่น หนอนผีเสื้อ ควรใช้วิธีกำจัดโดยใช้มือ หรือสมุนไพร เช่น พริก ขมิ้นชัน นำมาหมักแล้วฉีดพ่นทุก 5-7 วัน
ระยะเวลาในการเก็บเกี่ยว
เมื่อกะหล่ำปลีเริ่มห่อหัวเมื่ออายุได้ประมาณ 90 วัน และจะสามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุ 120 วัน (เนื่องจากเป็นพันธุ์เปิดทำให้อายุการเก็บเกี่ยวนานกว่าพันธุ์ลูกผสมที่โดนปรับปรุงพันธุ์ให้ทันกับความต้องการของตลาด)
การเก็บเมล็ดพันธุ์เพื่อทำพันธุ์ต่อไป
เนื่องจากสภาพอากาศของไทยโดยส่วนใหญ่นั้นมีอุณหภูมิสูง ส่งผลให้ไม่สามารถทำการผลิตเมล็ดพันธุ์ได้ แต่ก็มีบางพื้นที่ที่อุณหภูมิต่ำสามารถปลูกและเก็บเมล็ดพันธุ์ได้ (ในกรณีเมล็ดพันธุ์เป็นพันธุ์เปิด)