ลักษณะเด่นประจำพันธุ์
เป็นคะน้ายอดใบใหญ่กว่าฝ่ามือ สีเขียวทั้งลำต้นและใบ รสชาติและน้ำหนักดี
ดิน/สภาพอากาศที่เหมาะสม
เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนปนทรายระบายน้ำดี ชอบแดด ปลูกได้ดีในหน้าหนาว ช่วงเดือน พย., ธค.
คำแนะนำในการปลูก
เตรียมต้นกล้าโดยหว่านเมล็ดพันธุ์ในแปลงหรือเพาะในกระบะเพาะ หลังจากต้นกล้าอายุได้ 20-25 วัน ย้ายลงปลูกในแปลงที่เตรียมไว้
ระยะห่างระหว่างต้น x แถว
15 ซม. x 20 ซม.
แปลง/กระถาง(เหมาะสม)
ปลูกในแปลงกลางแจ้ง หรือปลูกในกระถางได้ถ้ามีแสงแดดเพียงพอกับความต้องการของผัก
การดูแลและบำรุงรักษา
– การให้ปุ๋ย ครั้งที่ 1,2,3 เมื่อต้นพืชอายุได้ 25 วัน , 40-45 วัน, ควรใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกที่ผ่านการหมักแล้ว(ให้สังเกตพืชด้วยว่าปุ๋ยหมักเพียงพอกับความต้องการหรือไม่ อาจจะให้เพิ่มอีกได้)
– การให้น้ำ ควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ ให้พอเหมาะกับพืชไม่ควรให้แห้งหรือแฉะมากเกินไป (ให้คอยสังเกตที่ดินปลูก)
โรค – แมลง
ไม่มีปัญหาเรื่องโรคแมลงรบกวน
ระยะเวลาในการเก็บเกี่ยว
ช่วงที่ผักคะน้ายอดอายุ 30-35 วัน ก็สามารถเก็บยอดกินได้ เพราะถ้าอายุ 55-60 วันจะเริ่มออกดอก
การเก็บเมล็ดพันธุ์เพื่อทำพันธุ์ต่อไป
คะน้ายอดอายุ 125-130 วัน เริ่มเก็บเกี่ยวเมล็ดได้ โดยการตัดชื่อดอกที่สุกมากที่สุดซึ่งจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแก่ ตัดแล้วมดเป็นกำใช้ตอกหรือเชือกมัด แล้วใช้กระสอบรองตากแดด 3-4 แดด จากนั้นเมื่อแห้งแล้วให้นำมาฟาดและใช้มือขยี้ในกระสอบเมล็ดก็จะแตกออก แล้วนำมาทำความสะอาดโดยใช้กระด้งและตะแกรงช่วยในการทำความสะอาด แล้วค่อยเก็บใส่ถุงกระดาษและเขียนชื่อและวันเดือนปีที่เก็บแล้วพับใส่ในถุงพลาสติกเก็บไว้ในตู้เย็นเพื่อรักษาอัตราการงอกและลดการหาใจของเมล็ดพันธุ์ให้น้อยที่สุด จะสามารถเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ใช้ได้นานเกิน 2 ปีขึ้นไป